เนื่อง
จากการแสดงโขนจะต้องสวมหัวโขนปิดหน้า จึงต้องมีผู้ร้อง และเจรจาแทนตัวโขน
บทพากย์เป็นบทประพันธ์ประเภทกาพย์ มีทั้งกาพย์ยานี และกาพย์ฉบัง
เมื่อพากย์จบไปบทหนึ่งก็จะตีตะโพนรับ และกลองทัดตีตาม
แล้วลูกคู่ร้องรับด้วยคำว่า “เพ้ย” พร้อมๆกัน บทพากย์โขนแบ่งเป็น 5 ประเภท
คือ
1. พากย์เมืองหรือพากย์พลับพลา ใช้พากย์ตอนผู้แสดงออกท้องพระโรงหรือออกพลับพลา
2. พากย์รถ พากย์รถนี้จะรวมถึงการพากย์ช้าง และพากย์ม้าด้วย ใช้ในกรณีที่ผู้แสดงออกรบ อาจจะทรงรถ ทรงม้าหรือทรงช้างก็ได้
3. พากย์ชมดง ใช้ในโอกาสชมนกชมไม้ โดยใช้เพลงชมดงใน มีเครื่องดนตรี คือ ตะโพน และฉิ่งประกอบจังหวะ
4. พากย์โอ้ ใช้ในโอกาสที่ผู้แสดงเศร้าโศก คร่ำครวญ ร้องไห้ด้วยความเสียใจ การพากย์โอ้จะแตกต่างกับการพากย์แบบอื่นเนื่องจากจะมีดนตรีรับ ก่อนที่ลูกคู่จะร้องรับด้วยคำว่า “เพ้ย”
5. พากย์บรรยาย และพากย์เบ็ดเตล็ด เป็นการพากย์เพื่อแสดงการสนทนา หรือเล่าเรื่อง ซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทของการพากย์ที่ได้กล่าวมาแล้ว บทเจรจา
1. พากย์เมืองหรือพากย์พลับพลา ใช้พากย์ตอนผู้แสดงออกท้องพระโรงหรือออกพลับพลา
2. พากย์รถ พากย์รถนี้จะรวมถึงการพากย์ช้าง และพากย์ม้าด้วย ใช้ในกรณีที่ผู้แสดงออกรบ อาจจะทรงรถ ทรงม้าหรือทรงช้างก็ได้
3. พากย์ชมดง ใช้ในโอกาสชมนกชมไม้ โดยใช้เพลงชมดงใน มีเครื่องดนตรี คือ ตะโพน และฉิ่งประกอบจังหวะ
4. พากย์โอ้ ใช้ในโอกาสที่ผู้แสดงเศร้าโศก คร่ำครวญ ร้องไห้ด้วยความเสียใจ การพากย์โอ้จะแตกต่างกับการพากย์แบบอื่นเนื่องจากจะมีดนตรีรับ ก่อนที่ลูกคู่จะร้องรับด้วยคำว่า “เพ้ย”
5. พากย์บรรยาย และพากย์เบ็ดเตล็ด เป็นการพากย์เพื่อแสดงการสนทนา หรือเล่าเรื่อง ซึ่งไม่จัดอยู่ในประเภทของการพากย์ที่ได้กล่าวมาแล้ว บทเจรจา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น